วันนี้ (22 ตุลาคม 2552) ผมได้มีโอกาสไปเที่ยว งานสัปดาห์หนังสือ ที่ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ตั้งอยู่บริเวณถนนรัชดาภิเษก เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร ติดกับโรงงานยาสูบเดิม
งานนี้ จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี มีหนังสือมากมาย น่าสนใจให้เลือกซื้อ เป็นเจ้าของ ตั้งแต่หนังสือเรียน หนังสือนิยาย หนังสือการ์ตูน ตำรา ธรรมะ นับไม่ถ้วน นับเป็นงานใหญ่ที่หนอนหนังสือไม่ควรพลาดเด็ดขาด
ผมออกเดินทางจากพุทธมณฑลสาย 5 ฝ่าการจารจรอันคับคั่ง และสายฝนตลอดทาง ตั้งแต่บ่ายโมงกว่าๆ ไปถึงศูนย์ประชุมก็เกือบ บ่าย 3 โมง เนื่องจากไม่ชำนาญเส้นทาง ก็มีหลงเป็นบางช่วงครับ ไปถึง ก็หาที่จอดรถค่อนข้างจะหายาก เพราะมีประชาชนไปเที่ยวชมงานนี้จำนวนมาก
ผมยกครอบครัว ทั้งภรรยา และลูกหลาน ไปกัน 5 ชีวิต ควักเงินซื้อหนังสือไปเกือบ 2,000 บาท ทีเดียว
ภรรยาผมก็เทียวเวียนอยู่ร้านหนังสือนิยายหลากหลายสำนักพิมพ์ ลูกสาวคนกลางก็จะสนใจนิยายวัยรุ่นพลาดไม่ได้ก็จะเป็นหนังสือการ์ตูน ส่วนลูกสาวคนเล็กอายุ 9 ขวบกับหลานสาววัยเดียวกัน ก็ได้หนังสือนิทานแบบเด็กเล็กมาเกือบ 10 เล่ม เป็นชุดๆ มีถุงผ้าใส่อย่างสวยงาม
ส่วนผมก็เวียนไปได้หนังสือเกี่ยวกับการเขียน HTML เพื่อใช้ในการเขียนเว็บไซด์ มาประดับความรู้ และหนังสือจำพวกเกี่ยวกับเทคนิคการขายตรง การบริหาร และ หนังสือเกี่ยวกับการสร้างความร่ำรวย มาอ่าน เผื่อว่าจะรวยกับเขาบ้าง
อยู่ๆ ก็มีโทรศัพท์เข้ามาหาผม เพื่อแนะนำธุรกิจตัวใหม่ที่จะเข้ามาในเมืองไทยในไม่ช้านี้ ซึ่งเขาก็ได้ข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต ทั้งอีเมล์และเบอร์โทรศัพท์ ซึ่งผมก็ไม่ทราบว่าเอามาได้อย่างไร แต่คิดว่าสมัยนี้คงไม่ยากเย็นอะไรในการที่จะหาผู้มุ่งหวัง ที่มีธุรกิจเครือข่ายออนไลน์ทางอินเตอร์เน็ต เพราะส่วนใหญ่มีการโปรโมทเว็บกัน กลายเป็นอีเมล์สาธารณะไปแล้ว
และคิดว่าเขาคงใช้โปรแกรม ในการดูดอีเมล์ หรือ เก็บข้อมูลจากเว็บต่างๆ เพื่อใช้ในทางการตลาดมากกว่า ผมว่ามันก็เป็นดาบสองคมนะครับ ทางหนึ่ง ผู้ใช้สามารถโทรหาผู้มุ่งหวังเพื่อชักชวนมาร่วมธุรกิจ แต่อีกฝ่ายหนึ่งจะรู้สึกว่า เป็นการล่วงเกินสิทธิส่วนบุคคล ในการนำเบอร์โทรมาใช้ชักชวนไปทำธุรกิจโดยเขาไม่เต็มใจ
ส่วนผมยังเห็นด้วยกับวิธีทิ้งอีเมล์ เพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมจากเว็บที่เราสนใจในโฆษณามากกว่า เพราะเท่ากับว่าผู้มุ่งหวังสนใจในธุรกิจเหล่านั้นจริงๆ ถึงจะไม่สมัครสมาชิก หลังจากทราบข้อมูล ก็ยังมีความรู้สึกในความเป็นส่วนตัว มากกว่าการรับโทรศัพท์เพื่อถูกชักชวนไปให้ร่วมทำธุรกิจ โดยที่ไม่รู้จักกันมาก่อนเลย
ปัจจุบัน ในอีเมล์ของผมก็จะมีการส่งโฆษณาเชิญชวน ให้ร่วมทำธุรกิจด้วยอยู่ทุกวัน แต่ระบบตอบรับอัตโนมัติของผมก็จะตอบกลับในทันทีที่ได้อีเมล์ พร้อมโฆษณาของผม ซึ่งผมถือว่าเป็นการแลกกัน อย่างยุติธรรมทั้งสองฝ่าย และผมยอมรับได้ เพราะบางครั้งผมก็พบธุรกิจดีๆจากสแปมเมล์ที่เข้ามา
ระบบ อีเมล์มาร์เก็ตติ้งบางตัวที่เราทิ้งเมล์ไว้นั้น บางบริษัทสามารถส่งข้อมูลให้เราได้ต่อเนื่องทุกวันเป็นเดือนๆ ทีเดียว ผมชอบปล่อยให้ระบบส่งเมล์ให้ผมไปเรื่อยๆ จนผมเบื่อจะอ่าน ถึงจะกดยกเลิกรับข้อมูล ซึ่งทุกบริษัทที่มีการส่งข้อมูลแบบนี้ จะมีระบบบอกยกเลิกได้ตลอดเวลาที่เราไม่ต้องรับอีเมล์แล้ว
บางท่านรู้สึกรำคาญ เมล์ด่ากลับไปที่เจ้าของอีเมล์ที่ส่งมา ซึ่งผมก็ไม่ทราบว่าจะด่าเขาทำไม เพราะคนที่ส่งให้ท่านจริงๆแล้วก็คือระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งระบบคอมพิวเตอร์คงอ่านคำด่าของท่านไม่ออก ส่วนเจ้าของอีเมล์ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นตัวแทนจำหน่ายก็ไม่สามารถหยุดส่งอีเมล์มาให้ท่านได้ เพราะไม่ใช่เจ้าของระบบตัวจริง ก็ทำการด่ากลับไปกลับมา จนเป็นที่น่าสังเวช
ดังนั้น การที่คุณจะไม่รับเมล์ ที่คุณกรอกข้อมูลทิ้งไว้ ก็เพียงคลิ๊ก unsubscrip ที่มีแนบไว้ตอนท้ายของอีเมล์ทุกอีเมล์ในระบบอัตโนมัติ เพียงแค่นั้น คุณก็จะไม่ได้รับข้อมูลที่คุณไม่สนใจอีกเลย
ยกเว้น คุณแปลภาษาอังกฤษไม่ออกเท่านั้นครับ เลยไม่รู้จะทำอย่างไร? ก็เลยปล่อยไก่ให้กับอารมณ์ของตัวเอง โดยการด่าคนที่เขาไม่รู้เรื่อง เพราะคนที่รู้เรื่องนี้แท้จริงแล้ว คือคอมพิวเตอร์
มันอ่านภาษาไทยไม่ออกครับ
จากใจ
อดิสัย คล้ายสุวรรณ
ผู้ที่อ่านได้ทั้งไทยและอังกฤษครับ
http://anattara.com/?id=728
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น